ประโยชน์ของการทำ IMC การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ
การหยิบเครื่องมือ IMC มาใช้งานสามารถสร้างประโยชน์ได้มากมายและคุ้มค่ามากกว่าแค่ทำเพื่อรองรับแคมเปญการตลาดในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ยังสร้างประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้กับแบรนด์ได้อีกด้วย ซึ่งอาจแก้ไขปัญหาบางอย่างที่อาจแก้ไม่ตกในองค์กรหรือบริษัทฯ นั้น ๆ ได้อย่างดี
 ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น
 การนำ IMC มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด จำเป็นต้องบูรณาการทีมงานภายใน เพื่อให้การดำเนินการเข้าใจตรงกันด้วย 

สร้างผลลัพธ์ได้ดีขึ้น
แน่นอนว่าเมื่อเข้าใจตรงกันทั้งทีม การดำเนินการต่าง ๆ จะเป็นเนื้อเดียวกัน ลูกค้าจะรับและเข้าใจสารที่สื่อออกมาเป็นเรื่องเดียวกัน ทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ผลลัพธ์หรือเป้าหมายที่วางเอาไว้ดีขึ้น เป็นภาพรวมที่สอดผสานเป็นเรื่องเดียวกัน
ลดความสับสน
หากลูกค้าสับสนก็เป็นการยากในการตัดสินใจจ่ายเงินให้กับสินค้าหรือบริการต่าง ๆ เมื่อมีเครื่องมือ IMC จะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจได้เลยว่า แบรนด์นี้ขายสินค้าอะไร มีโปรโมชันอะไร แน่นอนว่าลูกค้าก็ตัดสินใจง่ายขึ้น ลดความสับสนลงนั่นเอง
เพิ่มความคุ้มค่า
เมื่อแบรนด์ดำเนินการสอดผสาน สอดคล้องกัน ก็จะมีทิศทางการดำเนินการเป็นชิ้นเป็นอัน มีทิศทางที่ชัดเจน ประหยัดทั้งเวลา ประหยัดทั้งเงิน ได้นั่นเอง
เสริมภาพลักษณ์แบรนด์
 เมื่อทิศทางต่าง ๆ ชัดเจน ทีมภายในมีแนวคิดชัดเจน ลูกค้าได้ข้อความที่ชัดเจน ก็ทำให้ภาพลักษณ์และภาพจำของแบรนด์ดูดีขึ้น มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นได้ด้วย
สร้างความไว้วางใจ
 แน่นอนว่าหากการกระทำตรงกับคำพูด แบรนด์นั้น ๆ ก็สามารถสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า และสามารถสร้างโอกาสในการเปลี่ยนลูกค้าขาจรมาเป็นลูกค้าประจำได้อีกด้วย
ช่องทางการสื่อสารเพื่อส่งเสริมการขาย IMC
Sales Promotion
เป็นการสื่อสารในรูปแบบการบอกโปรโปรโมชัน ประชาสัมพันธ์ดีลพิเศษต่าง ๆ ให้กับลูกค้า เป็นกิจกรรมที่จัดได้ทั้งออนไลน์-ออฟไลน์ และเป็นการสื่อสารที่หลาย ๆ แบรนด์นิยมทำกัน ซึ่งหากยกระดับและเพิ่มความเข้มข้นในการทำ IMC ก็จะยกระดับเป็นแคมเปญการขายหรือโปรโมชันแรงที่สุดแห่งปีของแบรนด์นั้น ๆ ได้นั่นเอง
. Advertising
การสื่อสารในรูปแบบโฆษณา เป็นการสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าโดยทั่วไปว่า แบรนด์นี้ทำอะไร แบรนด์นี้มีจุดยืนอย่างไร แบรนด์หน้าตาเป็นแบบไหน เป็นต้น ซึ่งเป็นการสื่อสารที่เน้นไปที่สร้างการรับรู้หรือเรียกว่า Brand Awareness โดยสามารถโฆษณาได้ทั้งออนไลน์-ออฟไลน์ ควบคู่กันไปด้วยได้เพื่อสร้างการรับรู้ให้ครบและเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด
Personal Selling
หรือการสื่อสารผ่านช่องทางพนักงานขาย ที่จะใช้พนักงานขายที่อยู่หน้าร้านในการบอกเล่า บอกกล่าว ให้ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือแบรนด์ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร สินค้ามีคุณภาพอย่างไร หรือมีโปรโมชันอะไรบ้าง เพื่อสื่อสารไปยังลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย
Public Relation 
หรือเรียกว่าการ PR เพื่อประชาสัมพันธ์แบรนด์ หรือจุดยืนบางอย่าง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ ซึ่งหากใช้การประชาสัมพันธ์ได้ดีนั้น จะช่วยให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ดีมากขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือให้กับกลุ่มเป้าหมายหรือคนทั่วไปมากขึ้นได้
Direct Marketing
สื่อสารไปยังลูกค้าที่แบรนด์มีข้อมูลอยู่แล้วโดยมาจากข้อมูลที่ลูกค้ามอบให้ไม่ว่าจะมาจากการสนใจแบรนด์หรือต้องการข้อมูลมากขึ้น ซึ่งแบรนด์สามารถสื่อสารหรือประชาสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นการส่งโปรโมชัน บอกดีลลับ หรืออัปเดตข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ให้กับลูกค้าโดยตรงได้ด้วย
Online Marketing
ใช้เครื่องมือออนไลน์ สำรวจตลาดเพื่อวิเคราะห์คู่แข่ง วางแผนกลยุทธ์ในการทำคอนเทนต์ขายของ สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น ให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
การพัฒนากลยุทธ์เพื่อสร้าง Marketing Communication ให้สอดคล้องกันสามารถพัฒนากลยุทธ์ได้ 4 ขั้นตอน

ระบุช่องทางการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ
เพื่อวางกลยุทธ์การสื่อสารให้สอดคล้องกัน โดยเริ่มต้นที่การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย หลังจากนั้นจึงสร้างพื้นที่เพื่อบอกเล่าสินค้า เขียนรายละเอียดต่าง ๆ และ สร้างบทความที่เกี่ยวกับสินค้าเพื่อให้ลูกค้าอ่านและรับข้อมูลมาเปรียบเทียบ หลังจากนั้นจึงส่งอีเมล์บอกโปรโมชันหรือบอกรายละเอียดที่น่าสนใจเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจไปยังลูกค้า เป็นต้น

พัฒนาแผนการสื่อสารการตลาดเสมอ 

ไม่ว่าจะทำความรู้จักผู้คนที่ต้องการสื่อสารผ่านการสร้าง  การออกแบบเนื้อหาให้ตรงกับจริตและพฤติกรรมของลูกค้า และช่วงเวลาในการสื่อสารไปยังลูกค้าที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นกาลเทศะ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสารที่ส่งไปเข้าถึง ตรงกับนิสัยกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้กลยุทธ์ที่สร้างไว้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เข้าใจกระบวนการตัดสินใจของลูกค้า

 การเข้าใจ Customer Journey ทำให้แบรนด์และนักการตลาดเห็นภาพรวมของกระบวนการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้ละเอียดยิ่งขึ้น เมื่อรู้แต่ละ Stage ของลูกค้า จะช่วยสร้างสารที่สื่อไปยังลูกค้าได้ตรงกับพฤติกรรมของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการตัดสินใจของลูกค้าได้ง่ายขึ้น

  ใช้เครื่องมือช่วยวางแผน

 การสร้างแผนการสื่อสารการตลาด เครื่องมือต่าง ๆ จะช่วยทำให้แผนออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ว่าจะใช้ปฏิทินเพื่อวางกำหนดการในการออกแคมเปญ ใช้ซอฟต์แวร์อัตโนมัติเพื่อสอดคล้องกับแผน CRM ใช้เครื่องมือ ต่างๆ วิเคราะห์สถิติและตัวเลขต่าง ๆ ในการช่วยตัดสินใจ ทั้งภาพรวม Performance ของแบรนด์ และคู่แข่งในหน้าเดียว ไปจนถึงการใช้เครื่องมือ ในการตามเทรนด์บนโลกออนไลน์-ออฟไลน์ เพื่อปรับเปลี่ยนแผนให้สอดคล้องและบูรณาการได้ตรงความรู้สึกของลูกค้ามากที่สุด

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  and  นโยบายคุกกี้